:: อาณาจักรสุโขไท - ประวัติศาสตร์ไท ที่ถูกห้ามสอน ::


  • ....... จุดประสงค์ในการสร้างภาคส่วนข้อมูลนี้ขึ้น ก็เพื่อให้ศิษย์รัตตัญญุศาสตร์ทั้งหลาย ได้มีความภาคภูมิใจในบูรพาจารย์ ที่ได้ถ่ายทอดสืบสานวิชชา และ พุทธาคม ต่อเนื่องมาแต่สมเด็จพระมหาเถรสรีสัทธา ราชจุฬามุนีรัตนลังกาทีปมหาสามี องค์ปฐมสังฆราชเจ้าแห่งกรุงสุโขไท ณ วัดฤาษีชุม หรือ วัดป่ามะม่วง ทรงถ่ายทอดวิชชา 18 ประการ และคัมภีร์มหาจักพรรดิราช รัตตัญญุศาสตร์ ให้กับพญาลิไท จนสามารถรอบรู้วิทยาการ อณาจักรขอมได้ถวายพระยศให้พระญาลิไทเป็น "กมรเตงอัญศรีสุริยพงรามลิไท" พระองค์ได้จัดตั้งสถานีตรวจอากาศเป็นแห่งแรกในโลก เพื่อใช้วิชชารัตตัญญุศาสตร์คำนวณฟ้าฝน เรียกว่า "เกณพิรุณศาสตร์" ทำให้กรุงสุโขไท เจริญก้าวหน้า มีอาณาเขตกว้างไกล ไพร่ฟ้าหน้าใส ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ประชาชนล้วนมีใจเมตตาอารีมีศีลธรรม ศิษย์สายบรรพชิตของสมเด็จพระมหาเถรสรีสัทธา ได้รับอาราธนาจากพระเจ้าติโลกราช แห่งอาณาจักรล้านนา ให้ขึ้นไปเผยแผ่โดยได้ถวายพระราชอุทธยานเป็นพุทธสถานชื่อว่า "วัดสวนดอก" ศิษย์ของพระมหาเถรสรีสัทธาที่ส่งขึ้นไปนั้นมีนามว่า "พระสุเมธังกร" ได้รับการสถาปนาจากพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์แห่งล้านนา ให้ดำรงตำแหน่งสมเด็จสังฆราชล้านนา ศิษย์ของพระสุเมธังกรได้แต่งตำรา "ชินกาลบาลีปกรณ์ และ จันทรทีปนี ฯลฯ เพื่อใช้ประกอบการศึกษารัตตัญญุศาสตร์ และ พุทธาคมแก่ศิษย์บรรพชิตในล้านนาสืบมา

    ต่อมาในยุคสมัยของพระมหาธรรมราชา ราชวงศ์พระร่วง ได้ขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นพระมหากษัติรย์กรุงศรีอยุธยา จึงได้อาราธนาพระอาจารย์ศรี อธิบดีสงฆ์จากวัดป่ามะม่วง กรุงสุโขไท ให้มาจำพรรษา ณ วัดประดู่โรงธรรม เพื่อเผยแผ่พระอภิธรรม และ แนวทางปฏิบัติ "สติปัฏฐาน-ปฏิสัมภิทามรรค" ดั่งเช่นกรุงสุโขไท ให้แก่ชาวกรุงศรีอยุธยา ต่อมาสาธุชนที่ได้เข้าวัดฟังธรรมเกิดศรัทธาจึงพากันปลูกต้นแก้วไว้รอบวัด จึงได้ชื่อเรียกขานใหม่เป็น "วัดป่าแก้ว" นับแต่นั้นมา