• ขุนพันธรักษ์ราชเดช ศิษย์รัตตัญญู ภาค 1

    พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช หรือชื่อเดิมว่า บุตร พันธรักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 ที่บ้านอ้ายเขียว หมู่ที่ 5 ตำบลดอนตะโก อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นบุตรของนายอ้วน นางทองจันทร์ พันธรักษ์ เริ่มเข้าเรียนในชั้นประถมปีที่ 1 ที่โรงเรียนวัดสวนป่าน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เนื่องจากท่านมีความรู้ในวิชาเลขและหนังสืออยู่แล้วก่อนที่จะเข้าโรงเรียน ดังนั้นเมื่อเข้าเรียนในชั้นประถมปีที่ 1 ได้ 1 วัน ทางโรงเรียนก็เลื่อนชั้นให้เรียนในชั้นประถมปีที่ 2 และวันรุ่งขึ้นก็เลื่อนชั้นให้เรียนชั้นประถมปีที่ 3 เป็นอันว่าท่านเข้าโรงเรียนได้เพียง 3 วัน ได้เลื่อนชั้นถึง 2 ครั้ง

  • ชีวิต และ การศึกษา

    เมื่อครั้งเรียนชั้นประถมปีที่ 3 โรงเรียนบ้านสวนป่าน มีพระภิกษุอินทร์ รัตนวิจิตร เป็นผู้สอน เรียนอยู่ประมาณ 2 เดือน โรงเรียนนั้นก็ถูกยุบ ท่านจึงเข้าเรียนในชั้นเดิม ที่โรงเรียนวัดพระนคร ตำบลพระเสื้อเมือง (ปัจจุบันคือตำบลในเมือง) อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช มีครูเพิ่ม ณ นคร เป็นครูประจำชั้น เรียนจบชั้นประถมปีที่ 3 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน ในปี พ.ศ. 2456 ได้เข้าเรียนต่อชั้นมัธยมปีที่ 1 ที่โรงเรียนวัดท่าโพธิ์วรวิหาร (หรือเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช ในปัจจุบัน พอเรียนชั้นมัธยมปีที่ 2 ได้ไม่กี่เดือน ก็ต้องออกจากโรงเรียนเพราะป่วยเป็นโรคคุดทะราด ต้องพักรักษาตัวปีกว่า เมื่อหายจึงคิดจะกลับมาศึกษาต่อที่โรงเรียนเดิม แต่ปรากฏว่าเพื่อน ๆ ที่เคยเรียนด้วยกัน เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว จึงเปลี่ยนใจเดินทางเข้าไปศึกษาที่กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2459 โดยไปอยู่กับพระปลัดพลับ บุณยเกียรติ ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้า ที่วัดส้มเกลี้ยง (วัดราชผาติการาม) ได้เรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตรในปัจจุบัน เข้าเรียน พ.ศ. 2461 เลขประจำตัว บ.บ. 1430 ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ขณะเรียนที่โรงเรียนนี้ ท่านได้เรียนวิชามวย ยูโด และยิมนาสติก จากครูหลายคน เช่น ครูย้อย ครูศิริ ครูนก ครูมณี จนมีความชำนาญในเชิงมวย ท่านสอบไล่ได้ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 8 ในปี พ.ศ. 2467

    ต่อมาในปี พ.ศ. 2468 จึงได้เข้าเรียนต่อที่ The Crocodile Creek Royal Police Cadet Academy โรงเรียนนายร้อยตำรวจห้วยจระเข้ (โรงเรียนนายร้อยตำรวจในปัจจุบัน) จังหวัดนครปฐม ขณะที่เรียน ได้เป็นครูมวยไทยด้วย เรียนอยู่ 5 ปี สำเร็จหลักสูตรในปี พ.ศ. 2472

  • ต้นสกุลราชเดช

    วันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2485 ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ใช้ราชทินนามเป็นชื่อสกุล พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นคนสุดท้ายของประเทศไทยที่ได้รับพระราชทานราชทินนาม ซึ่งขุนพันธรักษ์ราชเดชได้ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคชรา ในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2549 เวลา 23.27 น. ที่บ้านเลขที่ 764/5 ซอยราชเดช ถนนราชดำเนิน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช

    การศึกษาเวทย์วิทยาพุทธาคม

    พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เมื่อครั้งไปรับราชการที่จังหวัดพิจิตร ได้ทราบว่า หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ มีมหาดเล็กคนสนิทชื่อ " นายยัง หรือ ยัง หาญทะเล ได้ติดตามรับใช้ใกล้ชิด ซึ่งได้เป็นคนทดลองวิชาหลวงปู่ศุข ที่เสกให้นายยัง กลายเป็นจรเข้ ต่อหน้าพระพักตร์ของกรมหลวงชุมพรฯ ต่อมาได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงปู๋ศุข ศึกษาวิชาเวทย์วิทยาพุทธาคม ร่วมไปกับกรมหลวงชุมพรฯ ต่อมากรมหลวงชุมพรฯ เสด็จสวรรคต นายยัง หาญทะเล จึงลาออกจากราชการทหารเรือ ออกมาบวชเป็นพระภิกษุที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า และรับตำแหน่ง เจ้าอาวาส สืบต่อหลังจากหลวงปู่ศุข มรณะภาพ

    ขุนพันธ์จึงได้ใช้โอกาศที่ได้ไปรับราชการจังหวัดพิจิตร เข้าฝากตัวกับพระอาจารย์ยังศึกษาเวทย์วิทยาพุทธาคมกับพระอาจารย์ยัง จนเชี่ยวชาญเจนจบสามารถที่จะใช้สยบเหล่าโจรร้าย ทั้งหลาย ให้บ้านเมืองสงบราบคาบ ได้ดังปรากฏบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของกรมตำรวจสืบมาตราบเท่าทุกวันนี้

    (...ขุนพันธ์รักราชเดช นับเป็นศิษย์รัตตัญญู ที่สืบต่อโดยทางสายของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า อันเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน พิจิตร ซึ่งสืบสายรัตตัญญูจาก สำนักสมเด็จสังฆราชพากุลมหาเถระ เมืองสวางคบุรี... และขุนพันธ์ ได้รับการฝากฝังจากหลวงปู่ศุข ให้ไปเป็นศิษย์สำนักควนเอาะ = เขาอ้อ เมืองพัทลุง ซึ่งเป็นสายศิษย์รัตตัญญูเช่นเดียวกัน เพื่อเข้าพิธีคงกระพันชาตรี-อาบว่านยา)